Avatar: Fire and Ash สุดตระการตา เข้มข้น และมืดมนยิ่งกว่าเดิม

Avatar: Fire and Ash สุดตระการตา เข้มข้น และมืดมนยิ่งกว่าเดิม

หลังจากที่แฟน ๆ เฝ้ารอกันมานานทั่วโลก ในที่สุดภาพแรกของผลงานชิ้นใหญ่จากเจมส์ คาเมรอนก็ถูกเผยออกมาแล้ว กระแสตอบรับจากการฉายลับของ Avatar: Fire and Ash ภาคที่สามของจักรวาลแพนดอรา ได้สร้างเสียงฮือฮาอย่างมากบนโซเชียลมีเดีย และสิ่งที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ—มันมืดมนขึ้น ดิบขึ้น และไล่ระดับความยิ่งใหญ่ไปอีกขั้น

นักวิจารณ์และสื่อที่ได้รับเชิญให้ชมตัวอย่างยาวพิเศษต่างชื่นชมวิสัยทัศน์ของคาเมรอน ที่ยังคงผลักดันขีดจำกัดของงานภาพยนตร์ให้ก้าวไปไกลกว่า Avatar: The Way of Water ที่เคยสร้างมาตรฐานใหม่ไว้ก่อนหน้า

หากภาคสองทำให้ผู้ชมหลงใหลกับโลกใต้ทะเลของเผ่าเมตกายินา Fire and Ash (หรือ Avatar 3 เดิม) จะพาเข้าสู่บรรยากาศที่โหดร้าย แผดเผา และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม—ตามชื่อที่สื่อถึง “ไฟ” และ “เถ้าถ่าน”

หนึ่งในนักวิจารณ์ได้โพสต์บน X ว่า “นี่ไม่ใช่โลกสีฟ้าสดใสอีกต่อไป แต่เป็นสีแดง ส้ม และดำ คาเมรอนได้สร้างนรกที่งดงามราวภาพวาดบนจอภาพยนตร์”

เทคโนโลยี 3D และ High Frame Rate ถูกนำมาใช้แบบจัดเต็มเพื่อถ่ายทอด ภูมิประเทศภูเขาไฟ และการปรากฏตัวของเผ่าใหม่อย่าง Ash People ชาวนาวีที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งไฟซึ่งมีนิสัยแข็งกร้าวและขัดแย้งกับอุดมการณ์ของเจค ซัลลี่ อย่างชัดเจน

นอกจากงานภาพที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม เสียงรีวิวเบื้องต้นยังชี้ว่าเนื้อหาในภาคนี้จะหนักและเข้มข้นที่สุดในซีรีส์ การเล่าเรื่องก้าวข้ามจากการปกป้องครอบครัวของซัลลี่เข้าสู่สงครามขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยเดิมพันที่สูงมาก

หลายฝ่ายระบุว่า การเพิ่มบทบาทของ Ash People ทำให้ภาพลักษณ์ของชาวแพนดอรามีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่ทุกเผ่าจะเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไร้เดียงสาเหมือนที่ผู้ชมเคยรับรู้

ผู้สื่อข่าวรายหนึ่งจาก Variety ถึงกับกล่าวว่า “คาเมรอนมอบเรื่องราวที่โตขึ้น เข้มข้นขึ้น และเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ถาโถมในช่วงเวลาที่โลกกำลังล่มสลาย”

อีกหนึ่งจุดที่ถูกพูดถึงคือการกลับมาของ สตีเฟน แลง ในบทโคโลเนล ไมล์ส ควอริช ที่ครั้งนี้ถูกบรรยายว่า “น่ากลัวกว่าเดิม และมีแรงผลักดันที่ลึกซึ้งขึ้น” ส่งผลให้การเผชิญหน้ากับเจคและเนย์ทีรีจะยิ่งเดือดทะลุจอ

เสียงตอบรับรวม ๆ จากผู้ที่ได้ชมตัวอย่างคือ— เจมส์ คาเมรอนยังคงเป็นผู้กำกับที่มองไกลเกินกว่ามาตรฐานทั่วไป และ Fire and Ash อาจกลายเป็นจุดสูงสุดของแฟรนไชส์นี้จนถึงตอนนี้

Variety ยังเสริมว่า: “รายละเอียดงานภาพในฉากของไฟและเถ้าถ่านนั้นเหนือกว่าสิ่งที่เราเคยเห็นในโลกใต้น้ำของแพนดอราเสียอีก นี่คือเหตุผลที่ผู้ชมต้องกลับเข้าโรงภาพยนตร์อีกครั้ง”

อินฟลูเอนเซอร์สายภาพยนตร์บางรายถึงกับเตือนว่า “ถ้า Way of Water คือเรื่องของครอบครัว Fire and Ash คือเรื่องของการปกป้องจนถึงที่สุด และการสูญเสียที่คุณคาดไม่ถึง”

แม้เนื้อเรื่องหลักยังถูกปิดไว้เป็นความลับ แต่กระแสชื่นชมอย่างล้นหลามนี้ยิ่งทำให้ผู้ชมทั่วโลกตั้งตารอมากกว่าเดิม

Avatar: Fire and Ash มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 17 ธันวาคม 2026https://www.atom.bio/themanipulated-ep12